พนันฟุตบอลถือได้ว่าเป็นเกมเดิมพันที่ได้รับความนิยมกันมานานมากในหมวดหมู่เกมกีฬา เมื่อมีคาสิโนออนไลน์เข้ามายิ่งทำให้กระแสแทงบอลออนไลน์ได้รับความนิยมกันมากขึ้น มีนักเดิมพันทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าแห่เข้ามาวางเดิมพัน เพราะมีให้เลือกเล่นกันตลอดทั้งปีไม่ว่าจะลีกเล็กลีกใหญ่ ส่วนใครที่ยังไม่เคยแทงบอลมาก่อนและอยากจะลองเปิดประสบการณ์ล่ะก็ วันนี้ SAGAME350 จะพาไปดูกันว่าเขาเล่นกันอย่างไร นอกจากจะเข้าใจง่ายแล้ว เอาไปใช้ได้ทุกเว็บกันอีกด้วย
ปกติแล้วการแทงบอลออนไลน์ไม่ได้มีแค่แทงแพ้ชนะอย่างเดียว ในแต่ละเว็บจะมีรูปแบบการวางเดิมพันให้เลือกเล่นกันหลากหลายทั้ง บอลสด, บอลล่วงหน้า, บอลสเต็ป, แทงลูกมุม, ลูกโทษ เป็นต้น แต่ว่าที่เว็บส่วนใหญ่จะมีเหมือนกันก็คือ Live, บอลวันนี้, บอลล่วงหน้า และบอลมิกซ์พาเล ซึ่งแต่ละแบบจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปดังนี้
Live เป็นการวางเดิมพันกันสด ๆ ในช่วงที่กำลังมีการแข่งขัน หรือทายผลฟุตบอลระหว่างที่มีการแข่งขันนั่นเอง การแทงรูปแบบนี้ราคาค่าน้ำจะมีการปรับแบบเรียลไทม์เพื่อให้เกิดความสมดุลและยุติธรรมต่อผู้เล่น
บอลล่วงหน้า เป็นการแทงบอลก่อนที่จะเกิดการแข่งขันล่วงหน้าไม่เกิน 6 วัน สมมติว่าวันนี้วันที่ 5/5/2021 เว็บก็จะเปิดให้แทงคู่ที่จะแข่งระหว่างวันที่ 6/5/2021 ถึงวันที่ 11/5/2021 ส่วนราคาก็จะมีการปรับแบบเรียลไทม์เช่นกัน
บอลสเต็ป เป็นการทายผลฟุตบอลที่มีคู่แข่งขันตั้งแต่สองคู่ขึ้นไปในบิลเดิมพันบิลเดียว สามารถเลือกทีมที่ต้องการแทง ราคาบอล ค่าน้ำ ได้เหมือนกับการแทงบิลเดี่ยว แทงล่วงหน้าได้ไม่เกิน 7 วัน แต่การแทงแบบนี้เราจะต้องทายให้ถูกทุกคู่ถึงจะได้รับเงิน
บอลมิกซ์พาเล จะคล้าย ๆ กับบอลสเต็ปตรงที่แทงขั้นต่ำ 2 คู่ ล่วงหน้าไม่เกิน 7 วัน แต่สิ่งทำให้ทั้งสองแบบแตกต่างกันก็คือราคาบอล ส่วนเงื่อนไขการชนะเดิมพันยังคงเหมือนเดิมคือต้องทายให้ถูกทุกคู่
การวางเดิมพันพนันบอลนั้นจะมีความแตกต่างจากพนันชนิดอื่นคือมีศัพท์เฉพาะที่ต้องทำความเข้าใจก่อน ในที่นี้ ทีมเต็ง จะหมายถึงทีมที่ต่อให้ ส่วนทีมรอง คือทีมที่ได้ลูกต่อ สำหรับอัตราต่อรองแต่ละแบบจะมีวิธีอ่านและการจ่ายเงินที่แตกต่างกันไปดังนี้
0.00 หรือ 0 อ่านว่า เสมอ
อัตราต่อรองนี้หมายความว่าไม่มีทีมไหนต่อ ถ้าทีมที่แทงไว้ชนะก็จะได้เงิน แพ้ก็เสีย เสมอก็ยก
0.25 หรือ (0-0.5) (0/0.5) (ปป.) (ป.) อ่านว่า เสมอควบครึ่ง
อัตราต่อรองนี้หมายความว่า ทีมเต็งต่อให้ ¼ ลูก
0.5 หรือ (1/2) (0.50) อ่านว่า ครึ่งลูก
อัตราต่อรองนี้หมายความว่า ทีมเต็งต่อให้ ½ ลูก
0.75 หรือ (0.5-1) (0.5/1) อ่านว่า ครึ่งควบลูก
อัตราต่อรองนี้หมายความว่า ทีมเต็งต่อให้ ¾ ลูก
1 อ่านว่า หนึ่งลูก
อัตราต่อรองนี้หมายความว่า ทีมเต็งต่อให้ 1 ลูก
1.5 หรือ (1.50) (1-1/2) อ่านว่า ลูกครึ่ง
อัตราต่อรองนี้หมายความว่า ทีมเต็งต่อให้ 1 ½ ลูก
1.75 หรือ (1.5-2) (1.5/2) อ่านว่า ลูกครึ่งควบสอง
อัตราต่อรองนี้หมายความว่า ทีมเต็งต่อให้ 1 3/4 ลูก
2 อ่านว่า สองลูก
อัตราต่อรองนี้หมายความว่า ทีมเต็งต่อให้ 2 ลูก
หลังจากที่อ่านอัตราต่อรองกันมาแล้ว เราจะเห็นว่าผลการแข่งขันบางรูปแบบจะส่งผลต่ออัตราต่อรองให้เป็น เสียครึ่ง, ได้ครึ่ง หรือยก บนบิลเดิมพันแบบสเต็ปหรือมิกซ์พาเล ซึ่งแต่ละแบบจะมีวิธีคิดที่แตกต่างกันไปดังนี้
เสียครึ่ง
จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเสียครึ่งในคู่ใดคู่หนึ่ง เช่น เราแทงคู่ 0-0.5 หรือที่เรียว่า เสมอควบครึ่งลูก และทีมที่แทงเป็นทีมต่อ ถ้าทีมเราเสมอก็จะเสียครึ่งราคา แต่ถ้าแพ้ก็จะเสียเต็มถือว่าสเต็ปตายไม่ต้องเอามาคิด การเสียครึ่งตรงนี้จะไม่ทำให้สเต็ปเราตาย เพียงแต่จะไม่เอาคู่ที่เสียครึ่งมาคู่ ให้ตัดทิ้งไปได้เลย แล้วเอาคู่ที่เหลือมาคู่แล้วไปหาร 2
ยกตัวอย่างเช่น เล่นบอลสเต็ป 3 ราคา 2 x 1.9 x 1.7 = 6.46 คู่สุดท้ายเสียครึ่ง ก็จะเหลือ 2 x 1.9 = 3.8 เอาไปหาร 2 ก็จะเหลือ 1.9 หากแทง 100 บาท ก็จะได้รับเงิน 190 บาท นั่นเอง
ได้ครึ่ง
การคำนวณนั้นจะเอาอัตราจ่ายครึ่งหนึ่งของเดิมพันไปคูณกับเงินต้น เช่น หากอัตราจ่ายตอนแรกคือ 1.8 หากได้ครึ่งก็จะเท่ากับ 1.4 และถ้าอัตราจ่าย 1.9 อัตราได้ครึ่งก็เป็น 1.45 และถ้าเป็น 2 ก็จะเท่ากับ 1.5 ซึ่งหลักการได้ครึ่งก็คือเอาตัวเลขหลังจุดทศนิยมไปหาร 2
ยกตัวอย่างเช่น แทงบอลคู่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล (ทีมโดนต่อ) โดยทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ทีมต่อ) 0-0.5 (เสมอควบครึ่งลูก) และเราแทงฝั่ง ลิเวอร์พูล 500 บาท ผลคือเสมอ ราคา 2 โดยได้ครึ่งจะเหลือ 1.5 เราก็จะได้เงิน 500 x 1.5 = 750 บาท
ยก
สมมติว่าเราแทงบอลสเต็ป 3 หรือแทง 3 คู่ใน 1 บิล ด้วยราคา
ทีม 1 ราคาแทง 1.7 (ราคาต่อ 1 ลูก) เราแทงทีม 1 และผลคือทีม 1 ยิงได้ 1 ลูก ชนะในเวลา 90 นาที ผล 1-0 (คู่ที่ 1)
ทีม 2 ราคาแทง 1.8 (ราคาต่อ 0.5 ลูก) เราแทงทีม 2 และผลคือทีม 2 ยิงได้ 1 ลูก ชนะในเวลา 90 นาที ผล 1-0 (คู่ที่ 2)
ทีม 3 ราคาแทง 1.9 (ราคาต่อ 1 ลูก) เราแทงทีม 3 และผลคือทีม 3 ยิงได้ 1 ลูก ชนะในเวลา 90 นาที ผล 1-0 (คู่ที่ 3)
จากตัวอย่างทั้งหมด 3 ทีม ปรากฏว่า คู่ที่ 1 ทีม 1 ต่อ 1 ลูก แต่ยิงได้ 1 ลูก เท่ากับว่าผลเป็นเสมอ การคำนวณก็จะนำราคาคู่ที่ 2 และ 3 มาคูณกัน คือ 1.8 x 1.9 = 3.42 แล้วคูรด้วยเงินเดิมพัน สมมติว่าแทงไป 100 บาท ก็จะได้ 100 x 3.42 = 342 บาท ตรงนี้จะต่างจากได้ครึ่งเสียครึ่งตรงที่การยกเป็นการตัดออกไปไม่มีการเอามาคิดนั่นเอง เหมือนเราลดคู่เดิมพัน
ถ้าเราสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแต่ละเว็บจะมีการใช้ค่าน้ำที่ต่างกันไป หลัก ๆ จะมีอยู่ 5 ตัว คือ ราคามาเลเซีย , ราคาฮ่องกง , ราคาอินโดนีเซีย , ราคาอเมริกา และ ราคายุโรป ซึ่งแต่ละตัวจะมีความแตกต่างกันดังนี้
ค่าน้ำมาเลเซีย หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อราคาน้ำดำน้ำแดง โดยราคาน้ำดำปกติจะมีค่าเป็นบวก (+) เช่น 0.756 ถ้าแทงราคาน้ำดำ แทง 100 จะไม่ได้เต็ม 100 แต่จ่ายเต็ม 100 ส่วน ขณะที่ค่าน้ำแดงจะมีค่าเป็นลบ (-) เช่น -0.749 เวลาแทง 100 จะได้เต็ม 100 แต่จ่ายไม่เต็ม 100
ค่าน้ำอินโดนีเซีย เป็นค่าน้ำดำน้ำแดงเหมือนกัน แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ สมมติว่าราคาน้ำแดง -1.18 เวลาแทง 100 บาท เราได้ 218 บาท แต่ถ้าเสียจะต้องเสีย 118 บาท ส่วนราคาน้ำดำ 1.11 แทง 100 บาท จะได้ 211 บาท แต่ถ้าเสียเราจะเสีย 100 บาท
ค่าน้ำฮ่องกง เป็นค่าน้ำที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ราคาจ่ายอาจมากกว่าเงินเดิมพัน ถ้าแทงในราคาน้ำที่ 1.00 ขึ้นไป แต่จะเสียเต็มเมื่อไม่ชนะเดิมพัน ยกเว้นได้ครึ่งเสียครึ่ง ค่าน้ำฮ่องกงในโปรแกรมปกติจะคำนวณให้หรือเป็นราคาที่ยังไม่บวก 1.0 หรือเงินทุนเรานั่นเอง
ค่าน้ำเดซิมอล หรือที่เรียกกันว่าค่าน้ำยุโรป จะเหมือนกับราคาฮ่องกง เพียงแค่โปรแกรมบวก 1.0 ในราคาน้ำ ดังนั้นเราจะเห็นราคา 2.00 หรือ 1.98 เป็นต้น
ค่าน้ำอเมริกา เป็นราคาน้ำดำน้ำแดงเช่นกัน แต่จะเริ่มกันที่หลักร้อย สมมติว่า ราคาน้ำแดง -118 แทงไป 100 บาท จะได้ 218 บาท ถ้าเสียก็ 118 บาท ส่วนราคาน้ำดำ +111 แทง 100 บาท ถ้าชนะจะได้ 211 บาท ถ้าเสียก็เสีย 100 บาท
มาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่านักเล่นพนันบอลออนไลน์มือใหม่น่าจะเข้าใจเรื่องพื้นฐานกันมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอัตราต่อรองและค่าน้ำ ต่อให้วิเคราะห์บอลแม่นแค่ไหนแต่ถ้าไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ก็ยากที่จะทำกำไรได้ แต่ถ้าเข้าใจแล้วล่ะก็ การวางเดิมพันทำกำไรกับฟุตบอลคู่โปรดก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป